29 พฤษภาคม 2561

วางแผนการเงินตามความฝันและความต้องการในแต่ละช่วงว้ย



สนใจวางแผนการเงินการประกันภัย
ความต้องการในชีวิตมีด้วยกันหลายรูปแบบ และในความต้องการที่หลากหลายนั้น ก็ยังสามารถที่จะเตรียมการ และวางแผนก่อนที่เวลานั้นจะมาถึงได้ ไม่ว่าจะเป็นความต้องการ ที่จะมีเงินออม เพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ตาม เช่น การออมเพื่อการเกษียณ การออมเพื่อหวังผลตอบแทน การออมเพื่อสำรองไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉิน เป็นต้น
โดยช่วงวัยของคนเราจะแปรผันไปตามอายุที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นภาระความรับผิดชอบทางการเงิน เริ่มตั้งแต่วัยเด็ก ที่พ่อแม่เป็นคนดูแลค่าใช้จ่าให้เป็นหลัก แต่เมื่อผ่านพ้นช่วงวัยเด็ก ก็ต้องดูแลภาระค่าใช้จ่ายด้วยตนเอง จากนั้นเมื่อเริ่มต้นมีครอบครัว ก็ต้องดูแลครอบครัว เมื่อมีลูก ก็ต้องเตรียมเงินออมไว้เพื่อการศึกษาของลูก รวมถึงการวางแผนเตรียมการสำหรับการใช้ชีวิตในบั้นปลาย
การค้นหาความต้องการที่แท้จริงของแต่ละคน ในแต่ละช่วงวัยที่เกิดขึ้น จะมีส่วนสำคัญ ให้สามารถวางแผนทางการเงินได้เป็นอย่างดี เพราะจะช่วยตอบโจทย์ความต้องการ และเป้าหมายได้ว่า ต้องการแบบประกันที่เน้นความคุ้มครองชีวิต เพื่อสร้างหลักประกันให้กับครอบครัว หรือการประกันสุขภาพ และอุบัติเหตุส่วนบุคคล เพื่อช่วยลดภาระทางการเงิน หากต้องการเข้ารับการรักษาพยาบาล
วัยเด็กและวัยรุ่น (อายุประมาณ 0-20 ปี)
ุ วัยเด็กและวัยรุ่น เป็นวัยแห่งความบริสุทธิ์และความน่ารัก วัยนี้พัฒนามาจากวัยทารก เด็กเริ่มรู้จักและสนใจบุคคล สิ่งแวดล้อม สิ่งของ สามารถใช้อวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้หลากหลาย ชอบการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ซึ่งความสามารถดังกล่าวกระตุ้นให้เด็กต้องการแสดงความสามารถที่มีอยู่ วัยนี้จึงมีลักษณะเด่นคือชอบแสดงความสามารถ ชอบอาสาช่วยเหลือ ช่างประจบ ซุกซน อยากรู้อยากเห็น มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ชอบปฏิเสธ ค่อนข้างดื้อ ต้องการมีอิสระ เป็นตัวของตัวเอง เริ่มรู้จักพึ่งพาตนเอง และไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน การทำกิจกรรม การเรียนรู้เหตุผล สิ่งใดผิดถูก การเรียนรู้วิธีแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง นอกจากนี้เด็กจะแสดงความรู้สึกนึกคิดของตนจากการพูดคุย การแสดงออก ความเฉลียวฉลาด ซึ่งจะเป็นเอกลักษณ์ของเด็กแต่ละคนด้วย
ชอบการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มีความซุกซน อยากรู้อยากเห็น
ต้องการความรัก ความเอาใจใส่ดูแลจากพ่อแม่ ผู้ปกครอง
ต้องมีการพัฒนาการที่ดี ทั้งในเรื่องของการศึกษา และทางด้านจิตใจและอารมณ์
ความฝันและความต้องการทางการเงิน
มีเงินออมไว้เพื่อใช้เกี่ยวกับการศึกษาในอนาคต
มีความคุ้มครองทางด้านรายได้ ของพ่อแม่ ผู้ปกครอง หากมิเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
ต้องการความคุ้มครองในเรื่องของอุบัติเหตุ และสุขภาพ
ข้อแนะนำช่วงวัยเด็กและวัยรุ่น
แผนการออมเงินเพื่อการศึกษา
จะต้องเลือกวิธีการเก็บออม ที่สามารถสร้างความมั่นใจได้ว่า จะได้รับการศึกษาตามที่ต้องการได้ เพราะหลายๆเรื่องในชีวิต เราสามารถที่จะเลือกเสี่ยงได้ แต่เรื่องอนาคตทางการศึกษาของบุตร เราไม่ควรเสี่ยง
แผนการคุ้มครองอุบัติเหตุและสุขภาพ
เนื่องจากวันเด็ก เป็นวัยแห่งการเรียนรู้ อยากรู้อยากเห็น เป็นวัยที่ยังมีภาวะภูมิต้านทางเชื้อโรคที่ค่อนข้างน้อยกว่าวัยผู้ใหญ่ ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุ หรือโรคภัยไข้เจ็บย่อมมีมากกว่า โดยเฉพาะเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของเด็ก โดยเฉพาะเด็กวัยที่อายุไม่เกิน 6 ปี จะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่ค่อนข้างสูงมากๆ ซึ่งอาจกระทบถึงแผนการออมอื่นๆได้ด้วย

วัยเริ่มต้นทำงาน (อายุประมาณ 20-30 ปี)
เป็นช่วงที่มีความสุขกับการเริ่มมีอิสระ มีการงานและรายได้เป็นของตนเอง วัยเริ่มต้นทำงานมักชอบการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ค้นหาสิ่งที่อยากทำตามความฝันของตนเอง
มองโลกและอนาคตในเชิงบวก
มีพลังที่จะสร้างความสำเร็จในหน้าที่การงาน
มองหาโอกาสและวางแผนการศึกษาต่อ
เริ่มมีความคิดอยากมีทรัพย์สิน ที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์สักคัน หรือบ้านสักหลัง
ความฝันและความต้องการทางการเงิน
มีเงินออมไว้เพื่อใช้ตามเป้าหมายที่วางไว้ในอนาคต
มีความคุ้มครองทางด้านรายได้ เมื่อยามที่ต้องหยุดพักรักษาตัว หรือทุพพลภาพ
ไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่าย เมื่อต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
มีรายได้ต่อเนื่อง หลังการเกษียณอายุ
บิดา-มารดา ต้องมีชีวิตอยู่อย่างสบาย เมื่อต้องจากไปด้วยเหตุอันไม่คาดฝัน
ข้อแนะนำช่วงอายุเริ่มต้นทำงาน
แผนการออมเงินเพื่ออนาคต
จะต้องเลือกวิธีการเก็บออม ที่เป็นการเก็บออมระยะยาว เพื่อความมั่นคง และความมั่นใจในอนาคต การเก็บออมด้วยการประกันชีวิต จะช่วยแบ่งเบาความเสี่ยง ช่วยคุ้มครองเงินออมให้งอกเงยเพิ่มขึ้นตามที่หวังไว้
เงินออมไม่ใช่เงินที่เหลือเก็บ แต่ให้คิดไว้เสมอว่า เงินออมคือค่าใช้จ่าย เหมือนค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าผ่อนรถ ที่ต้องจ่าย เพราะฉะนั้นเมื่อได้รับเงิน ให้เก็บไว้ทันที
แผนการออมเงินไว้ยามฉุกเฉิน
เพราะไม่มีใครรู้ล่วงหน้า ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พรุ่งนี้อาจไม่สบาย ป่วยหนักถึงต้องนอนพักในโรงพยาบาล มีค่ารักษาที่สูงมาก ถ้าเราไม่มีเงินจำนวนหนึ่งสำรองไว้ ชีวิตจะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน แต่ปัญหานี้จะลดลงได้ถ้ามีเงินออมส่วนนี้เก็บไว้
วัยเริ่มต้นชีวิตคู่ (อายุประมาณ 25-35 ปี)
เป็นช่วงที่มีความสุขกับการมีคู่ชีวิต มีเพื่อร่วทำกิจกรรมต่างๆในแต่ละวัน ผู้หญิงจะมีความสุข สนุกสนานกับการให้ความสำคัญกับครอบครัวมากกว่า ในขณะที่ผู้ชาย ก็มีความสุขกับการใช้ชีวิตคู่ วัยเริ่มต้นชีวิตคถึงแม้บางครั้งยังมีรูปแบบการใช้ชีวิตที่ไม่ต่างจากวัยโสดมากนัก
เริ่มต้นสร้างฐานะครอบครัว
ต้องการที่จะมีบ้านหรือที่อยู่อาศัย สำหรับการเริ่มต้นชีวิตครอบครัว
เริ่มแสวงหาความก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากขึ้น หรืออยากเริ่มทำธุรกิจส่วนตัว
มองหาแหล่งออมเงิน หรือสร้างรายได้เพื่อเตรียมเงินสำหรับการมีบุตร หรือขยายครอบครัวในอนาคต
ความฝันและความต้องการทางการเงิน
สร้างความมั่นคงทางด้านรายได้ให้กับครอบครัว
มีรายได้ไว้ใช้จ่ายภายในครอบครัว เมื่อยามที่ต้องหยุดพักรักษาตัว หรือทุพพลภาพ
ไม่ต้องกังวลเรื่องความเสี่ยงในการเริ่มต้นธุรกิจใหม่
มีเงินออมเพื่อใช้จ่ายในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการมีบุตร การขยายครอบครัว หรือการเกษียณอายุ
ครอบครัวจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างสบาย เมื่อคุณต้องจากไปด้วยเหตุอันไม่คาดฝัน
ข้อแนะนำช่วงอายุเริ่มต้นชีวิตคู่
วางแผนทางการเงินด้วยการทำประกันคุ้มครองรายได้ เพื่อคุณครอบครัว ในอนาคต 
การชำระเบี้ยประกันที่เหมาะสม ของผู้เอาประกันคือ ประมาณ 10% ของรายได้ต่อปี และทุนประกันที่จะคุ้มครอง ต้องพิจารณาจากภาระค่าใช้จ่าย และหนี้สินต่างๆที่ต้องรับผิดขอบ
วัยสร้างครอบครัวและมีบุตร (อายุประมาณ 31-45 ปี)
เป็นช่วงที่มีความสุขกับการมีครอบครัวที่อบอุ่น ทำกิจกรรมกับคนที่คุณรัก เฝ้าดูลูกน้อยที่เติบโตขึ้นทุกวัน และมักให้ความสำคัญกับลูกๆเป็นหลัก เช่น การทำกิจกรรมต่างๆในแต่ละวัน การเรียนพิเศษ การท่องเที่ยว แต่ในขณะเดียวกัน ก็เริ่มตระหนักถึงภาระต่างๆอย่างจริงจัง และจะเริ่มคิดถึงเรื่องเหล่อนี้เสมอ
การมีภาระความรับผิดชอบทางด้านการเงิน ไม่ว่าจะเป็นค่าเลี้ยงดูบุตร ค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายในครอบครัว
เริ่มมองหาอาชีพ หรือกิจกรรมเสริม เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นของครอบครัว
มองหารูปแบบการสร้างความมั่งคั่ง เพื่อรองรับอนาคตของครอบครัว
ความฝันและความต้องการทางการเงิน
มีเงินก้อน สำหรับอนาคตการศึกษาบุตรวัยสร้างครอบครัวและมีบุตร
ไม่ต้องกังวลเรื่องภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว
สามารถบริหารจัดการด้านการเงินในปัจจุบัน และเงินออมในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการออมเพื่อการเกษียณอายุ และการวางแผนด้านทรัพย์สินมรดก
มีช่องทางในการบริหารภาษี และหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพ
ครอบครัวจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างสบาย เมื่อคุณต้องจากไปด้วยเหตุอันไม่คาดฝัน
ข้อแนะนำช่วงอายุเริ่มต้นทำงาน
ช่วงชีวิตคู่และการสร้างครอบครัว และสร้างความมั่งคั่ง ให้ทบทวนโดยการตรวจสอบแผนการเงินที่ทำไว้เดิม ว่าเพียงพอหรือไม่ หรือจะต้องทำเพิ่มเติมอย่างไร และการวางแผนด้านการศึกษาในอนาคตของลูกๆ
วัยสร้างความมั่นคง (อายุประมาณ 40-60 ปี)
เป็นช่วงที่มีความสุขและความภาคภูมใจ ที่ได้เห็นบุคคลในครอบครัวประสบความสำเร็จ มีเป้าหมายที่ชัดเจน ในการที่จะให้การศึกษาขั้นสูงแก่บุตร เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแรงและมั่นคง ให้กับลูกๆ วัยสร้างความมั่นคงซึ่งมักจะต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้เสมอ
ลูกๆเริ่มแยกตัวไปอยู่อิสระ หรือไปสร้างครอบครัวใหม่
เริ่มมีอิสรภาพทางการเงินมากขึ้น และเริ่มรู้สึกผ่อนคลายกับภาระต่างๆ เมื่อลูกๆใกล้จบการศึกษา
ต้องการสะสมเงินทุนไว้ใช้ในการดำเนินชีวิต เช่น ค่ารักษาพยาบาล หรือสำหรับการท่องเที่ยว
ความฝันและความต้องการทางการเงิน
สามารถบริหารจัดการด้านภาษี และวางแผนรองรับความเสี่ยงของธุรกิจ เพื่อให้สืบทอดสู่ทายาทได้
มีเงินออมเพื่อไว้ใช้จ่ายหลังเกษียณ และเป็นกองทุนมรดกให้กับลูกหลาน
มีแหล่งที่มาของรายได้จากการลงทุน ที่ให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ
ครอบครัวจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างสบาย เมื่อคุณต้องจากไปด้วยเหตุอันไม่คาดฝัน
ข้อแนะนำช่วงอายุเริ่มต้นทำงาน
การวางแผนประกันชีวิต สำหรับชีวิตในอนาคตหลังเกษียณอายุอย่างรอบคอบ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะว่า อายุหลังเกษียณอาจยาวนานกว่าระยะเวลาที่เก็บออมก่อนเกษียณ
วัยหลังเกษียณ (อายุประมาณ 55-70 ปี)
เป็นช่วงวัยที่เริ่มปล่อยวางกับธุรกิจ หรือการงานที่ทำอยู่ และกลับมีความสุขกับการได้ทำกิจกรรมต่างๆ กับครอบครัว ซึ่งอาจเป็นครอบครัวใหญ่ที่มีทั้งลูกและหลานๆแล้ว และเตรียมการใช้ชีวิตในวัยหลังเกษียณจากเงินออมหรือเงินบำนาญ หรืออาจมีรายได้จากการทำธุรกิจอยู่ แต่สิ่งที่ต้องเผชิญคือ
อาจต้องกลับมาใช้ชีวิตคนเดียว ด้วยสาเหตุแห่งการเสียชีวิตของคู่สมรส หรือการหย่าร้าง
อาจยังต้องทำงานอยู่ เพื่อเก็บออมเงินให้มากขึ้น สำหรับเป็นมรดกให้กับลูกหลาน หรือไว้เป็นค่ารักษาพยาบาลเมื่อยามเจ็บป่วย
ยังได้รับเงินบำนาญทุกเดือน แต่เงินไม่พอกับค่าใช้จ่าย จึงต้องระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นวัยหลังเกษียณ
ความฝันและความต้องการทางการเงิน
มีชีวิตสนุกกับการท่องเที่ยวหลังเกษียณอายุ หรือทำกิจกรรมกับหลานๆ โดยไม่ต้องกังวลกับภาระค่าใช้จ่าย
ยังมีรายได้ประจำอย่างต่อเนื่องหลังเกษียณ และใช้ชีวิตกับการนั่งบริหารพอร์ตการลงทุน อยู่กับบ้านอย่างสบายใจ
สามารถบริหารจัดการทางการเงิน เพื่อเป็นมรดกให้กับลูกหลาน
คนที่อยู่ข้างหลังจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างสบาย เมื่อคุณต้องจากไปด้วยเหตุอันไม่คาดฝัน
ข้อแนะนำช่วงอายุหลังเกษียณ
ทำประกันชีวิต และซื้อความคุ้มครองสุขภาพและโรคร้ายแรง เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ลูกหลาน และเพื่อความสุขกับวัยเกษียณอย่างเต็มที่ ด้วยการท่องเที่ยว พักผ่อน เฝ้าดูความสำเร็จของลูกหลาน 
สุขภาพมีเพียงหนึ่งเดียว ที่จะต้องดูแลให้ดีที่สุด ค่าใช้จ่ายในการรักษาสุขภาพของทุกคนในครอบครัว คืออุปสรรคของการออมเงิน อย่าให้การเจ็บป่วยเพียงครั้งเดียว ต้องทำให้เงินออมที่สะสมมาทั้งชีวิตต้องหมดไป
เลือกแบบประกันชีวิตที่ตรงกับความต้องการ
เพื่อการเก็บออม เป็นการเก็บออมเงินที่ให้ผลประโยชน์ที่คุ้มค่าสูงสุด ที่สามารถมั่นใจได้ว่า จะมีเงินเก็บไว้ใช้สำหรับอนาคตของคุณและครอบครัวอย่างแน่นอน
เพื่อความคุ้มครองชีวิต เหมาะสมกับผู้ที่มีภาระความรับผิดชอบ ไม่อยากให้คนข้างหลังต้องลำบาก สร้างหลักประกันชีวิตไว้ให้กับคนที่คุณรัก
เพื่อเป็นทุนการศึกษา สร้างความมั่นใจว่า ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไร ที่ไม่คาดคิดในวันข้างหน้า ลูกหลานก็จะได้ศึกษาเล่าเรียนสำเร็จจนถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
เพื่อคุ้มครองสุขภาพ ประกันสุขภาพจะช่วยแบ่งเบาภารค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาล เช่นค่ารักษา ค่าผ่าตัด รวมทั้งมีค่าชดเชยที่ไม่สามารถทำงานได้อีกด้วย
เพื่อความคุ้มครองอุบัติเหตุ อุบัติเหตุคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดคิด การประกันอุบัติเหตุเป็นหลักประกัน เพื่อให้ความอุ่นใจว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น บริษัทประกันจะเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ตามความคุ้มครองที่ทำไว้

สนใจวางแผนการเงิน คลิก 


15 พฤษภาคม 2561

5 นิสัยการใช้เงิน คนจะจน vs คนจะรวย


จากหนังสือ START LATE FINISH RISH เริ่มต้นช้าใช่ว่าจะรวยไม่ได้ คุณเดวิด บาค แบ่งนิสัยการใช้เงินโดยใช้หลักการ รู้หา รู้ใช้ รู้ออม รู้ลงทุน มาบริหารจัดการ ซึ่งส่งผลต่อชะตาชีวิตเราว่าจะเป็นคนจน หรือ คนรวย


 เราจะทำการไล่ไปทีละนิสัยเพื่อให้คุณเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ และเข้าใจว่าทำไมนิสัยแต่ละแบบจึงกำหนด     ชะตาชีวิตของคุณแน่นอน และจะเปลี่ยนแปลงมันได้ด้วยกลยุทธ์อะไรดี
โดย 20 % เป็นเงินออม อีก 30 % นำไปลงทุน ในกองทุนหรือธุรกิจที่ให้ผลประโยชน์งอกเงยตามหลัก "ให้เงินทำงาน  เพื่อคุณ"

ใช้เงินเท่ากับที่หาได้ ทำไมถึงจน ? 
      นิสัยนี้ คนเข้าใจกันผิดมาก ๆ ว่า "ดีแล้วนี่  ไม่เห็นน่าเดือดร้อนเลย" ปัญหาคือ ถ้าคุณหาได้ 100 ก็ใช้ 100 คุณจะไม่มี
    เงินเก็บสำรองยามฉุกเฉินเลย ดังนั้นคุณควรเปลี่ยนตัวเองจากนิสัย "หา 100 ใช้ 100" ตั้งแต่วันนี้เลย ตามขั้นตอนนี้
    1 เริ่มลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
คนเราเข้าใจผิดมาตลอดว่า "ถ้าอยากรวยต้องหาเงินเพิ่ม" ผิด ผิด ผิด! ผิดหลักการบริหารเงินส่วนตัวทุกคนทุกครูอาจารย์
    ในโลก เพราะเรากำลังพึ่งพาอำนาจนอกตัวเรา คือคนที่จ้างงานเราแทนที่จะเริ่มต้นที่ตัวเองก่อนคือการตัดรายจ่าย ซึ่งได้ผลที่สุด  เร็วที่สุด ไม่ต้องรอใคร

    
2 ปลูกฝังนิสัย ได้เงินมาปั๊บ หัก 10 % เป็นเงินออมเลย    
เมื่อทำได้ครึ่งปีแล้วค่อยเพิ่มเป็น 15 และ 20 % ในที่สุด ห้ามเถลไถลกำเงินแล้ว "ขอซื้อของก่อนน่า" เด็ดขาด!
    3 นำเงินออมนั้นเข้าบัญชีแยกต่างหาก                  
เข้าบัญชีที่สามารถถอนเงินได้ไม่ต้องขอ ไม่ใช่เข้ากองทุนที่ ปีถึงมีสิทธิ์ถอน เพราะนี่คือเงินออมฉุกเฉิน ยังไม่ใช่
     เงินลงทุน และที่ต้องแยกบัญชีต่างหากเพราะเจ้าของเงินจะได้เห็นตัวเลขเพิ่มพูนขึ้นทุกครั้งที่ฝากเพิ่ม ทำให้เกิดกำลังใจ
     ผลักดันให้คุณรู้ว่าการสร้างนิสัยใหม่ให้ผลคุ้มค่าน่าชื่นใจอย่างนี้เอง ก็จะมีมานะอยากทำดีขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะเห็นสมุดบัญชีแล้วดีใจจัง แทนที่จะหวาดกลัวไม่กล้าอัพเดทบุ๊คเหมือนที่ผ่านมา
     4 ทุกครั้งที่หักเงินออมแล้วนำเข้าธนาคารจงชมเชยตัวเองเพื่อสร้างกำลังใจ
คนเรามักเข้าใจผิดว่า เมื่อทำอะไรสำเร็จต้องให้รางวัลตัวเองด้วยการซื้อของหรือปรนเปรอด้วยความหรู ความแพง

      ผิด! การให้รางวัลตัวเองที่ดีที่สุดคือการ "สร้างอนาคตที่ดี" ให้ตัวคุณ และเมื่อคุณกำลังสร้างอนาคตทีละขั้น ๆ สิ่งหนึ่งที่จะทำให้คุณเกิดพลังกายและใจ คือ
"หัดชมชยตัวเองทุกครั้งที่เราทำดี " การชมเชยตัวเองคือการให้พลังแก่จิตวิญญาณข้างใน
    ของคุณชนิดหาค่ามิได้ มันบอกนิสัยรักตัวเองอย่างชัดเจนเลย และคนรักตัวเองจริง ๆ ก็จะมุ่งมั่นสร้างสรรค์แต่สิ่งดี ๆ สู่ชีวิตและยอมขจัดหรือโละสิ่งอันไม่พึงปรารถนาหรือบั่นทอนชีวิตออกไปอย่างไม่ลังเล ที่สำคัญ การชมเชยตัวเองจะช่วยย้ำจิตคุณว่าคุณทำสิ่งที่ดีงามแล้ว จิตก็จะอยากทำดีต่อไปและเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
     5 อย่านำเงินออมนี้ไปให้รางวัลตัวเองด้วยของฟุ่มเฟือยเด็ดขาด
เพราะหลายคนพอเห็นเงินออมเริ่มเติบโตขึ้น จะถอนไปเล่นแชร์ เล่นหุ้น ซื้อของแพง ๆ ที่อยากได้ ไม่ใช่ ผิดวัตถุ

     ประสงค์ เงินออมนี้ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เช่น ตกงานกระทันหัน ที่บ้านป่วย รถเสียต้องซ่อม ยกเครื่อง ฯลฯ
     กุญแจสำคัญที่จะทำให้คุณเปลี่ยนจากความเชื่อแบบ "ใช้เงินพอดีกับรายได้ ไม่เห็นเดือดร้อน" มาเป็น  คนที่เห็นคุณค่าของการออมเงิน ต้องอาศัยการชมเชยตัวเองบวกกับวินัย