ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย VS แผนรายปี เลือกแบบไหนให้คุ้มที่สุด?

         ในยุคที่ค่ารักษาพยาบาลพุ่งสูงขึ้นทุกปี การมี “ประกันสุขภาพ” จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ                    คนทำงานทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y ที่เริ่มใส่ใจสุขภาพและวางแผนชีวิตมากขึ้น แต่คำถามที่                หลายคนสงสัยคือ “จะเลือกประกันสุขภาพแบบไหนดี?”

                ระหว่าง แผนรายปีแบบแยกค่ารักษา กับ แผนแบบเหมาจ่าย     
          ต่างกันอย่างไร และแบบไหนคุ้มกว่ากัน?


บทความนี้จะพาคุณไปเข้าใจความต่าง ข้อดีข้อเสีย และวิธีเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ


               

           ประกันสุขภาพคืออะไร? ทำไมต้องมี?

                ประกันสุขภาพคือเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยลดภาระค่ารักษาพยาบาลในกรณีเจ็บป่วยหรือ                    อุบัติเหตุ โดยผู้เอาประกันจะจ่ายเบี้ยประกันเป็นรายปี และเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เข้าข่ายตาม                        กรมธรรม์ บริษัทประกันจะช่วยจ่ายค่ารักษาตามเงื่อนไขที่ระบุไว้


            ในปัจจุบัน มีแผนประกันให้เลือกหลายแบบ แต่ที่ได้รับความนิยมและเปรียบเทียบกันบ่อยที่สุดคือ:

  • ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย (Lump Sum Plan)
  • ประกันสุขภาพแบบแผนรายปี (Fixed Benefit Plan)


           เข้าใจประเภทของประกันสุขภาพเบื้องต้น

                1. แผนรายปีแบบแยกค่ารักษา (Fixed Benefit Plan) 
            เป็นแผนที่กำหนดวงเงินคุ้มครองในแต่ละหมวด เช่น

    • ค่าห้อง/อาหาร/พยาบาลวันละ 1,000 - 5,000 บาท
    • ค่ารักษาพยาบาลจากการผ่าตัด 50,000 - 200,000 บาท
    • ค่ารักษาพยาบาลอื่น ๆ ตามจริง แต่ไม่เกินวงเงินที่กำหนดในแต่ละหมวด

                ข้อดี:

    • เบี้ยประกันถูกกว่าแบบเหมาจ่าย
    • เหมาะกับคนที่สุขภาพแข็งแรง ใช้บริการโรงพยาบาลระดับกลาง

                ข้อจำกัด:

    • ถ้าเจ็บป่วยหนัก ค่าใช้จ่ายเกินหมวดไหน ผู้เอาประกันต้องจ่ายส่วนต่างเอง
    • ต้องดูรายละเอียดแต่ละหมวดชัดเจน เพราะบางครั้งวงเงินแต่ละส่วนอาจไม่พอ


                2. แผนแบบเหมาจ่าย (Full Coverage or Lump Sum Plan)
            ให้ความคุ้มครองแบบ “วงเงินรวม” ต่อปีหรือ/ต่อครั้ง เช่น

    • คุ้มครองสูงสุด 1 – 5 ล้านบาท/ปี โดยไม่จำกัดหมวด
    • ค่าห้อง ค่ารักษา ค่ายา ค่าผ่าตัด ฯลฯ เบิกได้ตามจริงภายใต้วงเงินรวม

                ข้อดี:

    • คุ้มครองครอบคลุมทุกค่าใช้จ่าย โดยไม่ต้องกังวลว่าแต่ละหมวดจะพอหรือไม่
    • เหมาะกับผู้ที่ใช้บริการโรงพยาบาลเอกชน หรือมีความเสี่ยงต้องรักษาโรคร้ายแรง

                ข้อจำกัด:

    • เบี้ยประกันค่อนข้างสูงกว่าแบบแยกหมวด
    • อาจไม่คุ้มถ้าผู้เอาประกันไม่ค่อยเจ็บป่วย


                เปรียบเทียบแบบชัด ๆ


            แล้วแบบไหน “คุ้ม” ที่สุด?

            คำตอบขึ้นอยู่กับ “ไลฟ์สไตล์และความเสี่ยงของคุณ”

    • ถ้าคุณอายุยังน้อย สุขภาพแข็งแรง ไม่ได้เข้ารพ.บ่อย และเน้นจ่ายเบี้ยต่ำ แผนรายปีแบบแยกหมวดอาจตอบโจทย์
    • ถ้าคุณเริ่มมีความเสี่ยงทางสุขภาพ, มีภาระครอบครัว หรืออยากได้ความสบายใจเมื่อเข้ารพ.เอกชน แผนแบบเหมาจ่ายจะให้ความอุ่นใจและคุ้มค่ากว่าในระยะยาว


               สรุปเคล็ดลับการเลือกแผนประกันสุขภาพ

             1. เช็กงบประมาณ : มีงบเบี้ยประกันเท่าไรต่อปี?

             2. ดูพฤติกรรมการรักษา : เคยเข้ารพ.บ่อยไหม? ชอบใช้บริการ รพ. เอกชนหรือรัฐ?

             3. พิจารณาอนาคต: แพลนมีครอบครัว? มีความเสี่ยงโรคประจำตัวในอนาคตหรือไม่?

             4. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ : FA หรือที่ปรึกษาด้านประกันจะช่วยวิเคราะห์แผนที่เหมาะกับคุณได้อย่างแม่นยำ



หากคุณยังไม่แน่ใจ ลองเริ่มจากแบบพื้นฐานก่อน 
และอัปเกรดแผนเมื่อไลฟ์สไตล์เปลี่ยน เพราะ
 “สุขภาพคือทรัพย์สินที่มีค่าที่สุด” อย่ารอให้เจ็บป่วยก่อนจึงจะเริ่มวางแผน







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

4 ขั้นตอนวางแผนการเงินและเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสม

          ด่านแรกของการวางแผนการเงิน  คือ           การสร้างความมั่งคั่ง (Wealth Creation) จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องก ับการวางแผนบริหารรายร...